BY : siepteam | www.sirindhornpark.or.th | 032-508352 |

31 ธันวาคม 2552

| people 13 (สุดสวยช่วยโลกอีกทั้งคน)


และสาวสวย DPU อีกคน...ที่เมื่อช่วยโลก (ร่วมทริปปลูกป่า ณ อุทยานสิงแวดล้อมนานาชาติสิรินธร) แล้วก็ถึงคราว..เพื่อนๆต้องช่วยดึงเธอ ขึ้นมาละล่ะ...:)
siepteam thanks

| people 12 (คนสวยช่วยโลก)

คนสวยช่วยโลก อีกคน...จาก DPU
siepteam thanks

27 ธันวาคม 2552

| issue 16 (workshop-เชียงใหม่เอี่ยม)


เวิร์กชอปสร้างไอเดีย เพื่อการร่วมปฏบัติการเชียงใหม่เอี่ยม

งานนี้ใครอยากมีเอี่ยว เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง สร้างสรรค์เมืองเชียงใหม่ให้น่าอยู่ มาร่วมเวิร์กชอปความคิดสร้างสรรค์ กับนักคิดชื่อดัง เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญให้เมืองเชียงใหม่ ใน "ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม"
ee
ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม เป็นปฏิบัติการพิเศษ ที่มีเป้าหมายใหญ่ แต่หวังสร้างการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่เล็กๆ ภายในเขตเทศบาลเมืองเชียงใหม่ หัวใจสำคัญของการปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่เป้าหมายเชิงปริมาณแต่สิ่งสำคัญคือเป้าหมายในเชิงความร่วมมือ ความร่วมมือที่ว่า คือ.....
ff
ความร่วมมือของคนทุกคน ทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่ ที่จะมาร่วมช่วยกันสร้างการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนปัญหา มาเป็นโอกาส และเพื่อขยายกำลังการขับเคลื่อนปฏิบัติการกิจกรรมเวิร์กชอปจึงได้ถูกริเริ่มขึ้น เพื่อมาเติมเต็ม วิธีคิด ทักษะเฉพาะบางด้าน และที่สำคัญคือเพื่อสร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีใจ มีพลัง อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเมืองเชียงใหม่ ได้มีโอกาสมาเจอกัน มาเรียนรู้เรื่องราวดีๆ จากคนมากประสบการณ์ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน และมาร่วมกันสร้างต้นแบบงานดีๆ เพื่อชักชวนคนเชียงใหม่ทุกคนให้มาร่วมกัน “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” เพื่อเชียงใหม่ของเราทุกคน
ddd
มาดูกันว่ามีอะไรบ้างในเวิร์กชอป “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม”
ผู้มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเวิร์กชอป ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่มีกั๊ก ผู้เชี่ยวชาญจากทุกสารทิศมากันหมด เพื่อเมืองเชียงใหม่ ทั้ง..
๐ พี่เชค ต้นแบบต้นตำรับรายการสารคดีเพื่อสังคม อย่าง”คนค้นตน”
๐ พี่ประสาน พิธีกรหน้าตี๋ แห่งทีวีบูรพา
๐ พี่ต่อ เจ้าแม่ จากกบนอกกะลา
๐ พี่เก้ง ผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดัง ที่มีเป้าหมายใหญ่อยากปั้นผู้กำกับหน้าใหม่ แก๊งผู้กำกับ GTH ผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นใหม่ ที่สร้างหนังถูกใจคนทุกวัย
๐ พี่จูดี้ เจ๊ใหญ่แห่งวงการโฆษณาที่สร้างวลีเด็ดๆมามากมายอย่าง “จน เครียด กินเหล้า”
๐ พี่ก้อง ทรงกลด บก. a day นิตยสารที่ชวนวัยรุ่นคิดในเรื่องใหม่ๆได้อย่างน่าสนใจ
๐ พี่ซุป พิธีกรชื่อดังจากซูเปอร์จิ๋ว รายการดีๆของเด็กๆ
๐ สถาบันอาศรมศิลป์ สถาบันชื่อดังที่สร้างแนวคิดใหม่ให้การพัฒนาและออกแบบเมือง
ggg
คนเข้าร่วมเวิร์กชอป มีโอกาสได้ร่วมสร้างอะไรบ้างจากเวิร์กชอป
พี่ก้อง วางไว้ว่า อยากชวนกันคิดทำสื่อสิ่งพิมพ์ บอกเล่าเรื่องราว “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” ฉบับพิเศษ
พี่เก้ง เตรียมหาผู้กำกับรุ่นใหม่ 15 คน มาสร้างหนังสั้นให้เมืองเชียงใหม่
พี่จูดี้ ลุยเปิดเอเจนซี่เล็กๆในช่วงปฏิบัติการ เพื่อสร้างผลงานสื่อเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เมืองเชียงใหม่
พี่ซุป ตั้งใจจะระดมกำลังจากโรงเรียนมากมาย มาร่วมสร้างพลังเล็กๆจากเด็กๆในโรงเรียนเขตเทศบาล
พี่เชค เปิดกล้องชวนทุกคนร่วมทำรายการร้อยเรื่องราว “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม”
สถาบันอาศรมศิลป์ สร้างทีมคนมีใจมาช่วยกันออกแบบเมืองน่าอยู่
เhhh
ใครที่อยากเข้าร่วมโครงการดีๆ อย่างนี้ สามารถ ดาวน์โหลดใบสมัครที่นี่ แล้วส่งมาที่ workshop@ourbetterchiangmai.org หรือ จะส่ง ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น เบอร์ติดต่อกลับมาก่อนก็ได้ค่ะ
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
http://ourbetterchiangmai.org/main/
สุดท้ายละกับ project สุดครีเอทนี้ หลังจากนี้..เป็นหน้าที่ของเพื่อนพี่น้องชาว siepclub ต้องตัดสินใจละว่า...ถ้าเค้าทำกันได้ขนาดนี้....เราจะทำอะไรได้ขนาดไหนกันน๊า....สวัสดี
siepteam thanks

| people 11 (นู่อยากทำเรื่องขยะ)


อัจฉรียา ตฤณขจี (ไนซ์)

"หนูอยากทำเรื่องขยะ"
“การเข้าร่วมเวิร์กชอป การคิดโฆษณา กับ ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยมในครั้งนี้ ทำให้ได้รู้ว่า กว่าจะเป็นงานโฆษณาหนึ่งชิ้นต้องคิดอะไรบ้าง มันเยอะกว่าที่เราคิดไว้ ความรู้ที่ได้ก็จะเอามาช่วยเมืองเชียงใหม่ค่ะ เมื่อก่อนรู้สึกว่าเยาวชนเชียงใหม่ไม่ค่อยสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเลย แต่พอเข้าร่วมโครงการนี้ ก็ดีใจค่ะ ที่รู้ว่ายังมีคนที่คิดเหมือนเราอยู่ ยังมีกลุ่มคนที่อยากทำสิ่งดีๆ เพื่อเชียงใหม่อยู่ ปกติจะชอบเก็บขยะทิ้งอยู่แล้ว เห็นที่ไหน ก็เข้าไปเก็บ เพราะคิดว่าถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ สำหรับคำว่า “เชียงใหม่เอี่ยม” ในความหมายของหนูก็คือ คนเชียงใหม่ที่รักเชียงใหม่ และทำเพื่อเมืองเชียงใหม่แบบที่ไม่หวังผลตอบแทน แต่สิ่งที่ได้คือความสุขทางใจค่ะ”

sieptam thanks

| people 10 (คนรักคลอง)


รัฐโรจน์ จิตรพนา (ฟาง)
"หนูอยากเห็นคลองแม่ข่าสะอาดขึ้น" “ถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆค่ะ ที่ได้เข้าร่วมเวิร์กชอป ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม มันเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากห้องเรียน แค่ชื่อโครงการก็เก๋มากๆแล้ว เรื่องที่อยากทำคือเรื่องน้ำเสียค่ะ เพราะบ้านอยู่ใกล้คลองแม่ข่า รู้เลยว่าน้ำมันเสียมาก ถ้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองเชียงใหม่แล้วไปเห็นคลองแม่ข่า เขาต้องไม่คิดว่าเขาอยู่เชียงใหม่แน่ๆ
fff
เพราะเชียงใหม่ในความคิดของนักท่องเที่ยวต้องเป็นเมืองที่น่าอยู่และสวยงาม แต่คลองแม่ข่ามันไม่ใช่เลย น้ำดำมาก ขยะลอยเกลื่อน กลิ่นก็เหม็น เรียกว่าสภาพของคลองแม่ข่าใครๆ ก็ไม่อยากเข้าใกล้ อยากทำให้น้ำในคลองแม่ข่ามีสภาพดีขึ้น อยากเชิญชวนให้คนเชียงใหม่ หรือคนที่มาอยู่เชียงใหม่ ที่อยากเห็นเชียงใหม่เอี่ยมขึ้น อยากจะแสดงความรักเชียงใหม่ออกมาเป็นการกระทำ ก็ลองมาเข้าร่วมปฏิบัติการ เชียงใหม่เอี่ยม ดูนะคะ”
siepteam thanks

| issue 15 (รับสมัครแก๊งค์สามล้อบอกต่อ..)


ด่วน…..รับสมัคร “แก๊งค์สองล้อ ขอเม้าท์…กระจายข่าวเชียงใหม่เอี่ยม” ปั่นกันวันที่ 6-8 มกราคม 2553

ประกาศรับอาสาสมัครปั่นจักรยานกระจายข่าวประชาสัมพันธ์ เพื่อโปรโมทกิจกรรมคัดเลือกนักแสดงหนังสั้นของโครงการ “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” ในชื่อกลุ่ม “แก๊งค์สองล้อ ขอเม้าท์...กระจายข่าวเชียงใหม่เอี่ยม” ซึ่งอาสาสมัครสองล้อ จะทำหน้าที่ปั่นจักรยานที่มีการติดตั้งเครื่องกระจายเสียง บอกข่าวเชิญชวนให้คนเจียงใหม่มาร่วมคัดเลือกเป็นหนึ่งในนักแสดงของหนังสั้น 3 เรื่อง 3 รส หนังรัก หนังตลกและหนังผี ซึ่งเกิดจากฝีมือการเขียนบท การถ่ายทำ การตัดต่อ และการกำกับของเหล่าเยาวชนชาวเชียงใหม่ที่ผ่านการอบรมเวิร์กชอป “ทำหนังสั้น กับ GTH”
เqqq
โดยการคัดเลือกนักแสดงจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 และวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม เลขที่ 167/1 ถ.ราชมรรคา ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ลักษณะการทำงานของ “แก๊งค์สองล้อ ขอเม้าท์...กระจายข่าวเชียงใหม่เอี่ยม” จะทำงานกันเป็นทีม ทีมละประมาณ 5 คัน ขี่จักรยานไปตามเส้นทางจักรยานรอบๆ คูเมืองเชียงใหม่ พร้อมทั้งหยุดเป็นระยะๆ เพื่อแจกสื่อสิ่งพิมพ์โปรโมทกิจกรรมฯ พร้อมทั้งพูดเชิญชวนให้คนเชียงใหม่มาร่วมคัดเลือกนักแสดงหนังสั้นกันเยอะๆ
ggg
เพราะหนังสั้นชุดนี้ถือเป็นหนังประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ก็ว่าได้ สร้างขึ้นโดยคนเชียงใหม่ แสดงโดยคนเชียงใหม่ และเพื่อคนเชียงใหม่ เพื่อเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งยังได้รับการโปรโมทโดยคนเชียงใหม่อีกด้วย การเข้าร่วมกิจกรรม ปั่นจักรยานกระจายข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมคัดเลือกนักแสดงหนังสั้นในครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรม Time Bank ครั้งแรกของโครงการ “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” ซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธที่ 6 – วันศุกร์ที่ 8 มกราคมนี้ (แบ่งการทำงานเป็นกะ ไม่ได้ขี่ทั้งวันนะน้องๆ) งานนี้พี่ๆ มีรางวัลตอบแทนน้ำใจของน้องๆ ด้วย โดยน้องคนใดที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับ เสื้อยืดเชียงใหม่เอี่ยมไปเลย (ไม่มีขายนะ แต่แจกฟรีๆ สำหรับคนที่เข้าร่วมกิจกรรม Time Bank – ธนาคารเวลาที่น้องๆ นำเวลาว่างมาฝากเอาไว้ เพื่อนำเวลาว่างนั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์)
gggg
นอกจากจะได้รับเสื้อยืดเชียงใหม่เอี่ยมแล้ว พี่ๆ ยังมี ค่ายาทาแก้ปวดเมื่อยน่อง ให้น้องๆ คนละ 300 บาท ต่อวันด้วยนะ ^_^ โดยมีข้อแม้ว่า น้องๆ จะต้องมีจักรยานเป็นของตัวเองค่ะ และพวกพี่ๆ พร้อมทีม Staff จะช่วยกันตกแต่งรถจักรยานของน้องๆ ให้โดดเด่นสะดุดตา และสามารถเป็นรถประชาสัมพันธ์ได้ในทันที อย่าช้า...โอกาสในการทำความดีเพื่อเมืองเชียงใหม่ของน้องๆ มาถึงแล้ว สมัครกันเข้ามาได้เลยที่พี่กุ้ง 086-696-0012 หรือพี่โส 084-100-8809 หรือที่ email : wecando@ourbetterchiangmai.org
เจ๋ง..อ่ะเจ๋ง..อ่ะ
siepteams thanks

| issue 14 (รับสมัครนักแสดง..ว้าว..!!)

รับสมัคร “ดาวดวงใหม่” ประดับวงการบันเทิง ในวันที่ 9-10 มกราคม 2553

โอกาสสำคัญของคนที่อยากแจ้งเกิดในวงการบันเทิงมาถึงแล้ว โครงการ “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” และ GTH จับมือกัน ค้นหา “ดาวดวงใหม่” ประดับวงการบันเทิง ร่วมแสดงในภาพยนตร์สั้น 3 เรื่อง 3 รส ของโครงการปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม อันได้แก่ หนังรัก หนังตลก และหนังผี ถนัดบทไหนก็เลือกบทนั้น ที่สำคัญได้แสดงร่วมกับนักแสดงคุณภาพของ GTH หนังผีได้เล่นกับเต๋อ หนังตลกได้เล่นกับแพ็ท อังศุมาลิน ส่วนหนังรักหนังครอบครัวได้เล่นกับแจ๊ค แฟนฉัน และยังได้ผ่านการฝึกฝนและปลุกปั้นจากผู้กำกับฝีมือเยี่ยมของเมืองไทย อย่าง พี่เก้ง จิระ มะลิกุล อีกด้วย โอกาส “แจ้งเกิด” ของชาวเชียงใหม่มาถึงแล้วเจ้า....รีบคว้ากันไว้
คุณสมบัติ
• ไม่จำกัดเพศ (หญิง ชาย เพศที่สาม เพศที่สี่ และ......ก็รับหมด)
• ไม่จำกัดวัย (จะรุ่นเล็กหน้าตึง หรือรุ่นเก๋าที่ตึงเฉพาะหู....ก็รับหมด)
• ไม่จำกัดหน้าตา (งามที่ใบหน้าหรืองามที่ลำไส้....ก็รับหมด)
• ไม่จำกัดนิสัย (เรียบร้อยอย่างนางเอก หรือขี้วีนอย่างนางร้าย....ก็รับหมด)
จำกัดเพียงข้อเดียว คือ “ขอให้เป็นคนเชียงใหม่ หรือคนที่อาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ และรักเมืองเชียงใหม่ อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เชียงใหม่....ใหม่เอี่ยมขึ้น” เท่านั้นพอ !!!
เตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อม แล้วไปสมัครโดยพร้อมเพรียงกัน วันเสาร์ที่ 9 และวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2553 เริ่มคัดเลือกกันตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. (พี่เก้งและทีมงานจาก GTH มาคัดเลือกด้วยตัวเองเชียวนะ) ที่ศูนย์ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม เลขที่ 167/1 ถ.ราชมรรคา ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สอบถามเส้นทางได้ที่ 053-814-208 หรือ 083-602-9845
แต่ถ้าสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับการรับสมัคร สอบถามได้ที่พี่กุ้ง 086-696-0012 หรือพี่โส 084-100-8809 แอบกระซิบด้วยว่า หนังสั้นทั้ง 3 เรื่องจะออกฉายประมาณปลายเดือนมกราคม 2553 ที่กลางเมืองเชียงใหม่ในรูปแบบหนังกลางแปลงสุดคลาสิก อยากเป็นส่วนหนึ่งของหนังประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ต้่องไม่พลาดงานนี้นะ รู้แล้วอย่าลืมบอกต่อด้วยนะเจ้า......
บอกต่อบอกต่อ...
siepteam thanks

| issue 13 (Eco-Embedded)



ECO-EMBEDDED : เทรนด์อีโคภาคบังคับ เทรนด์แรงไม่ตกสำหรับปีนี้ ต้องยกให้เทรนด์สิ่งแวดล้อมที่ส่งอิทธิพลโดยรวมต่อทัศนคติ สถานภาพ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คนทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากแรงกระตุ้นทางภาคธุรกิจและความต้องการของผู้บริโภคหัวใจสีเขียวจำนวนหนึ่ง ทำให้เกิดคำว่า ECO-ICONIC ที่เราใช้เรียกเทรนด์สินค้าหรือบริการที่แข่งขันกันทำดีไซน์รักษ์โลก (ทั้งในแง่คุณประโยชน์และรูปลักษณ์) ทั้งยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกสถานภาพในสังคมและเรื่องราวของตัวผู้บริโภคในระดับปัจเจกอีกด้วย
ooo
แต่ใช่ว่าผู้บริโภคทุกคนจะพร้อมใจตอบรับกับกระแสการบริโภคสีเขียวนี้ (รวมทั้งยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่สำนึกดีแต่ปฏิบัติไม่ได้) ทำให้เราเล็งเห็นแนวโน้มของ “คลื่นสีเขียวใต้น้ำ” ที่ค่อยๆ ทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เราขอเรียกมันว่า ECO-EMBEDDED นั่นก็คือ เมื่อภาครัฐและเอกชนยื่นมือเข้าควบคุม จัดการ และกำหนดมาตรการต่างๆ ในระดับส่วนรวม ทั้งนี้เพื่อจัดระบียบให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎเหล็กสีเขียวโดยพร้อมเพรียงกัน!
เริ่มต้นกันที่ปัญหาถุงขยะพลาสติกล้นโลก (ที่ต้องใช้เวลาถึง 1,000 ปีในการย่อยสลาย) วิธีกำจัดการใช้ถุงพลาสติกด้วยความสมัครใจคงไม่ใช่เรื่องง่าย ทางออกเดียวที่ภาครัฐทำได้ก็คือการออกกฏหมายห้ามใช้ถุงพลาสติก
ddd
เช่น ในนครซานฟรานซิสโก ถุงพลาสติกที่ถูกแจกจ่ายออกไปในแต่ละปีมีสูงถึง 180 ล้านใบ ทำให้มีการออกกฎเทศบัญญัติห้ามร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีสาขามากกว่า 5 แห่ง ใช้ถุงพลาสติกใส่ของให้ลูกค้า มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษจิกายน ปี 2007 โดยอนุโลมให้ร้านค้าสามารถใช้ถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษรีไซเคิล และถุงที่ผลิตจากวัสดุที่ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ เช่น ข้าวโพดหรือมันฝรั่งได้ นอกจากนี้เมื่อสิ้นปี 2008 ยังมีการออกกฎห้ามใช้ถุงพลาสติกสำหรับร้านขายยาอีกด้วย
ddd
เช่นเดียวกับประเทศในแถบเอเชียอย่างบังคลาเทศและไต้หวันที่มีการออกกฎห้ามใช้ถุงพลาสติกแล้ว ส่วนประเทศฝรั่งเศสจะเริ่มประกาศเป็นกฏหมายตั้งแต่ 1 มกราคม 2010 เป็นต้นไปในประเทศออสเตรเลียมีการเตรียมกำหนดแผนให้ห้างสรรพสินค้า Totem เป็นเขตบังคับปลอดพลาสติกแห่งแรกในประเทศ ห้ามมิให้ร้านค้าปลีกทั้ง 60 ร้าน รวมถึงร้านซูเปอร์มาเก็ต Coles ใช้ถุงหรือภาชนะใส่อาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากพลาสติกหรือวัสดุที่ย่อยสลายไม่ได้เองตามธรรมชาติสำหรับภาคเอกชน หลายบริษัทได้เริ่มทยอยออกเงื่อนไขการหักเก็บค่าชดเชยมลพิษรวมไปในค่าสินค้าและบริการด้วย อย่างบัครเครดิต GE Earth Rewards ที่นำส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นบนบัตรไปมอบให้กับโครงการพัฒนาสิ่งแวดล้อม
ddd
ด้านธุรกิจปั๊มน้ำมันในประเทศบราซิลที่ชื่อว่า Brazillian Ipiranga ก็ออกบัตรเครดิต Carbono Zero ร่วมกับมาสเตอร์การ์ด โดยเมื่อลูกค้าใช้บัตรนี้เติมน้ำมันกับทางปั๊ม ระบบจะทำการคำนวณปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะเกิดขึ้นจากปริมาณน้ำมันที่เติมไป และหักค่าชดเชยมลพิษทางอากาศจากส่วนหนึ่งของค่าน้ำมันที่เติมในครั้งนั้น เงินส่วนต่างจะถูกนำไปสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการปลูกป่า หรือไปบริจาคเป็นเงินสนับสนุนการค้นคว้าด้านพลังงานทดแทน
ddd
ข้ามมาที่ฝั่งอเมริกา สำนักงานคณะกรรมาธิการขนส่งรถแท็กซี่และลีมูซีนแห่งมหานครนิวยอร์ก หรือ TLC ได้ออกแผนพัฒนาเมืองชื่อว่า PlaNYC โดยกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการตรวจวัดมลพิษทางอากาศและอัตราการใช้พลังงานเชื้อเพลิงตามระยะทางของรถแท็กซี่รับจ้างสีเหลือง ต่อเนื่องไปถึงแผนปรับใช้รถแท็กซี่ไฮบริดที่จะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 เป็นต้นไป โดยจัดเป็นแผนพัฒนาระยะ 4 ปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดมลพิษในอากาศที่ถูกปล่อยจากรถแท็กซี่และรถรับจ้างอื่นๆ ได้ราว 50% ภายในระยะสิบปีข้างหน้า
ddd
ทั้งนี้ข้อมูลจาก TLC เผยว่า รถแท็กซี่สีเหลืองที่วิ่งให้บริการอยู่ในนครนิวยอร์กนั้นมีทั้งหมด 13,000 คัน เร็วๆนี้จะมีการเปลี่ยนสีด้านในให้เป็นสีเขียว และในจำนวนนั้น 375 คัน เป็นรถแท็กซี่ชนิดไฮบริดนอกจากนี้ เรายังจะได้เห็นแนวโน้มการพัฒนาเมืองใหม่ให้เป็นเมืองสีเขียวเพิ่มขึ้นอีก อย่างเช่น โปรเจ็คท์ที่ใช้ชื่อว่า Masdar Initiative เมืองใหม่เนื้อที่หกล้านตารางเมตรในกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นี้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ปลอดมลภาวะ ขยะ และรถยนต์แห่งแรกของโลก พื้นที่โดยรอบมีการก่อสร้างฟาร์มลมและฟาร์มแสงอาทิตย์ รวมถึงมีพื้นที่วิจัยทางการเพาะปลูกเพื่อให้เป็นเมืองที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แผนการก่อสร้างกำหนดแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2015
dddd
ฟากจีนแผ่นดินใหญ่ก็กำลังดำเนินการก่อสร้างเมืองสีเขียวที่ชื่อว่า Dongtan เมืองนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Chongming ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ ประกอบด้วยอาคารบ้านเรือนของประชาชนราว 50,000 ครอบครัว กำหนดสร้างเสร็จเพื่อให้ทันการเปิดตัวในงาน EXPO ประจำปี 2010 และในปี 2040 คาดว่าการขยายของเมือง Dongtan จะครอบคลุมพื้นที่ราวหนึ่งในสามของเกาะแมตฮัตตัน (นิวยอร์ก) และมีจำนวนประชากรถึง 500,000 คน เมืองนี้จะดำเนินนโยบายการผลิตพลังงานใช้เอง ทั้งจากลม, แสงอาทิตย์, ไบโอ-ดีเซล และขยะรีไซเคิล นอกจากนี้ยังอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนหรือพลังงานทดแทนอื่นๆ เข้ามาวิ่งในเขตเมือง เพื่อเป็นการช่วยลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมอีกทางด้วย
ddd
ขณะนี้หลายประเทศในโลกต่างแสดงเจตนารมย์ที่จะช่วยลดปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อมของโลก โดยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2007 ที่ผ่านมา
๐ นอร์เวย์ ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันใหญ่อันดับห้าของโลกได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศคาร์บอนสมดุลย์ภายในปี 2030
๐ ขณะที่ประเทศคอสตาริก้าวางจุดมุ่งหมายเดียวกันไว้ในปี 2012
๐ ด้านมลรัฐแคลิฟอร์เนียก็ตั้งเป้าจะลดมลภาวะทางอากาศให้ได้ 80% ภายในปี 2050
๐ ส่วนสวีเดน เชื่อว่าตนจะเป็นประเทศปลอดน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งแรกของโลกได้ในปี 2020
hhh
เชื่อได้ว่า ในอีกหลายๆ มุมทั่วโลกก็จะมีกฎข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมออกตามมาอีกในปีนี้ อย่างเช่น ใน
๐ ประเทศเยอรมันนี หัวเมืองใหญ่อย่างเบอร์ลิน, ฮานโนเวอร์, ดอร์ทมุน, โคโลญจ์ และสตุ๊ดการ์ต มีการออกกฎเหล็กห้ามยานยนต์ที่ไม่ติดตั้งอุปกรณ์ฟอกหรือกรองไอเสียเข้ามาวิ่งในเขตมลพิษต่ำ และรถทุกคนต้องมีสติกเกอร์แสดงการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวที่กระจกหน้ารถด้วย หากฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 40 ยูโร
๐ ในขณะที่เมืองอื่นๆ ในยุโรป เช่น อัมสเตอร์ดัมและมาดริด ก็กำลังพิจารณาใช้กฎหมายห้ามรถสกปรกวิ่งเช่นกันกระแส ECO EMBEDDED ที่มาพร้อมระเบียบข้อบังคับต่างๆ อาจเป็นหนทางเดียวที่จะฝังแนวคิดเพื่อความยั่งยืนลงไปในวิถีการบริโภคสมัยใหม่
ดดด
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจไม่ควรมัวรอให้กฎเหล็กกลายเป็นเรื่องจวนตัวแล้วจึงค่อยขยับตาม (นั่นหมายความว่าคุณอาจช้าไปแล้ว)
ขอบคุณข้อมูลจากwww.tcdcconnect.com
huahinhub Thanks

| issue 12 (เปิดโปงบรรจุภัณฑ์)


TCDC เปิดโปงบรรจุภัณฑ์ Packaging Revealedจากนิทรรศการบรรจุภัณฑ์รัก/รกโลก Green Packaging ที่จัดโดย Material ConneXion ที่ TCDC ได้เปิดเผยข้อมูลสถิถิต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันได้สร้างปัญหามลพิษให้กับโลกไปมาก-น้อยแค่ไหนแล้วบ้าง
๐ ภูเขาขยะพลาสติกที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิคเหนือมีขนาดใหญ่กว่าประเทศสหรัฐอเมริกา 2
๐ ประเทศไทยมีขยะโฟมปีละไม่ต่ำกว่า 2,900 ล้านชิ้น แต่รีไซเคิลได้เพียง 5% เท่า
๐ คนไทยที่มีอายุยืนถึง 100 ปี จะสร้างขยะไว้บนโลกนี้ได้ถึง 24 ตัน
๐ คนในกทม. ผลิตขยะมากที่สุดในประเทศ-วันละ 9,000
๐ ปัจจุบันทั่วโลกใช้น้ำมัน 2,482 ล้านบาร์เรลต่อปีในการผลิตพลาสติก ซึ่งมากกว่าปริมาณน้ำมันที่ประเทศไทยผลิตได้ต่อปี 19 เท่า
๐ 54% ของบรรจุภัณฑ์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่เพียง 3% ใช้ในอุตสาหกรรมความงาม
๐ ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่นเป็นผู้ใช้บรรจุภัณฑ์มากที่สุดในโลก๐ ทุก 1 นาที ทั่วโลกมีการใช้ถุงพลาสติกไม่ต่ำกว่า 1,000,000 ใบ๐ ทุก 15 นาที ชาวอเมริกันใช้ถ้วยกระดาษสำหรับเครื่องดื่มร้อน 410,000 ใบ
๐ หากนำถุงพลาสติกที่คนไทยใช้ในหนึ่งปีมาเรียงต่อกัน จะเท่ากับระยะทางจากโลกไปกลับดวงจันทร์ถึง 7 รอบ
๐ ผู้บริโภคชาวไทย 88 % เลือกร้านค้าที่ความคุ้มค่ามากกว่าร้านค้าที่ใช้ถุงและบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล
๐ คนไทยทิ้งขยะบรรจุภัณฑ์ปีละ 4,500,000 ตัน คิดเป็น 31% ของขยะมูลฝอยทั้งหมด
๐ แต่ละวัน โคนับร้อยตัวในอินเดียล้มตายเพราะกินถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งตามท้องถนน
๐ ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม ถ้วยพลาสติกหนึ่งใบใช้เวลาประมาณ 450 ปี ในการย่อยสลายตามธรรมชาติ
๐ แก้วสามารถนำไปรีไซเคิลได้เป็นล้านครั้ง แต่ใช้เวลานับล้านปีในการย่อยสลาย
๐ 35% ของขยะในประเทศไทยมีการจัดการอย่างถูกต้อง และเพียง 19% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิล
๐ ทุก 1 นาทีมีการผลิตกระป๋องอะลูมิเนียม 350,000 ใบ แต่หากนำกระป๋องไปรีไซเคิลจะประหยัดพลังงานในการผลิตใบใหม่ได้ถึง 95%
๐ พลังงานที่ใช้ผลิตขวดพลาสติกใหม่ 1 ใบ ใช้รีไซเคิลขวดพลาสติกได้ 8 ใบ
๐ 30% ของขยะที่นำไปฝังกลบสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
๐ การรีไซเคิลพลาสติกใช้พลังงานน้อยกว่าการรีไซเคิลกระดาษถึง 91%
๐ มันสำปะหลังราคากิโลกรัมละ 1.50 บาท หากนำมาทำพลาสติกชีวภาพจะขายได้แพงกว่าถึง 200 เท่า
๐ เราสามารถรีไซเคิลโฟมเพื่อผลิตเป็นกล่องซีดี ไม้บรรทัดหรือไม้แขวนเสื้อ
๐ ร้านค้าในประเทศจีนทุกร้านต้องคิดค่าถุงพลาสติก และห้ามการผลิต จำหน่าย และใช้ถุงพลาสติกที่บางกว่า 0.025 มิลลิเมตร
๐ บังคลาเทศเป็นประเทศแรกของโลกที่ออกมาตรการห้ามใช้ถุงพลาสติกทั่วประเทศอย่างเด็ดขาดตั้งแต่ปี 2545
๐ ร้านแมคโดนัลด์ในออสเตรียและสวีเดนใช้แต่จานชามมีดส้อมจากพลาสติกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
๐ ในประเทศอังกฤษ มีหน่วยงานรับร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์เกินความจำ
๐ ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป หน่วยราชการไทยทุกแห่งจะซื้อเฉพาะสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
๐กลไกที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในกระบวนการแยกขยะและการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ของไทยคือ ซาเล้ง คนเก็บขยะ และร้านรับซื้อของเก่า๐ ห้างวอลมาร์ทในสหรัฐอเมริกาใช้คะแนนความเขียวของบรรจุภัณฑ์เพื่อตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตมาตั้งแต่ต้นปี 2551
๐ 22 เมษายน เป็นวันคุ้มครองโลก
๐ บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ในนิทรรศการนี้สามารถแปรรูปเพื่อนำมาใช้ใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
๐ หมึกพิมพ์ที่ใช้ในนิทรรศการนี้เป็นหมึกจากน้ำมันถั่วเหลืองของบริษัท พาโนรามา ซอยอิ้ง จำกัด (MC#-5646-01) สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยเพื่อนๆและผู้สนใจสามารถ ติดตามชม นิทรรศการบรรจุภัณฑ์รัก/รกโลก Green Packaging ได้ที่ TCDC หรือ http://www.tcdcconnect.com/

ขอบคุณข้อมูลจาก www.tcdcconnect.com
siepteam thanks

| talk 7 (moso)


เพื่อนทราบกันมั๊ยว่า moso คืออะไร? มาทำความรู้จักพวกเรา MOSO กันหน่อยดีไหม ว่าคำนี้ที่มาจากอะไร
hhhh
ในคำแรกนั้น MO มาจากคำว่า “Moderation“ ซึ่งหมายถึง ความพอประมาณ ไม่มากไป ไม่น้อยไป พอดีๆ ส่วน SO มาจากคำว่า “Society“ ที่หมายถึง สังคม
fff
ดังนั้น หากรวมคำว่า “MO” และ “SO” เข้าด้วยกันแล้ว จึงหมายถึง สังคมพอประมาณ ที่คนใช้ชีวิตอย่างพอดีๆ นั่นเอง
แล้วสงสัยกันรึไม่ชาว MOSO คือใครบ้าง ?
hhh
ในที่นี้ ชาว MOSO นั้นหมายถึง กลุ่มเยาวชน คนรุ่นใหม่ของสังคม ที่ใช้ ”สติ” เป็นเครื่องนำทาง ในการดำรงชีวิต ประกอบกับมีการใช้ ”เหตุผล” เพื่อพิจารณาสิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อให้ชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น หรืออีกนัยหนึ่งคือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในแบบที่ตัวเองมีและเป็นนั่นเอง
hhh
ซึ่งหากเรา มีหลักการนี้ อยู่ในกระบวนการคิดแล้ว ก็จะกลายเป็น “ภูมิคุ้มกัน” ที่ดีทั้งต่อตนเอง และก่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมไปด้วย เห็นได้จากเรื่องของการแตกร้าว ความบาดหมางที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา หากเพื่อนๆ ลองตั้ง “สติ” และใช้ “เหตุผล” พิจารณาดู ก็จะพบว่า สิ่งเหล่านั้น เป็นเพียงแค่การคิดต่าง หาใช่เราจะต้องมา เกลียดชังกัน
hhh
ทั้งนี้ ยิ่งถ้าระดับ "ภูมิคุ้มกัน" เพิ่มมากขึ้น ทั้งตัวเรา หรือสังคมก็ไม่ต้องหวั่นกลัวกับ “ภัยร้ายจากภายนอกที่จ้องจะแทรกแซง" อีกต่อไป เพราะ "ภูมิคุ้มกัน" อันมากมายนี้ จะ ขยายวงกว้าง กลายเป็นเกราะที่เข้มแข็ง เป็น "พลัง" ที่ยิ่งใหญ่ เอาชนะอุปสรรคทั้งหลายได้ในที่สุด
hhh
เป้าประสงค์ของโครงการสติ+เหตุผล = ภูมิคุ้มกัน สามคำสั้นๆ แต่เป็นหัวใจสำคัญของโครงการคิดอย่างยั่งยืน Mosothai ภูมิใจนำเสนอ นั่นเพราะ "โครงการคิดอย่างยั่งยืน" มุ่งหวังที่จะให้เพื่อนๆ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ คิดอย่างมีเหตุผล จนสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ครอบครัว ชุมชน รวมทั้งสังคม และประเทศชาติของพวกเราได้ โดยการศึกษาเรียนรู้จากแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นองค์ต้นแบบนั่นเอง
hhh
Mosothai จึงต้องการเป็นศูนย์กลางในการรณรงค์และปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชน ในการมาร่วมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อพัฒนาสังคมให้มีความเป็นอยู่แบบพอประมาณ รวมถึงสร้างจิตสำนึกถึงความเป็นชาติ ความเป็นไทยร่วมกัน โดยมีกองทัพบกและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนโครงการ
hhh
แล้วถ้าหากทุกท่าน ได้นำแนวคิดความพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากที่ได้เห็น ได้รับรู้ ไปบอกต่อพร้อมๆ กับนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยความมี "สติ" และ "เหตุผล" เชื่อได้เลยว่า พวกเราก็จะมีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งสามารถพาตัวเองและประเทศชาติให้รอดพ้นจากวิกฤติการณ์ได้แถมยังเป็นแสงสว่าง นำทางให้ชีวิตของพวกเราพบเจอแต่ความสุขอีกด้วย ดังหนึ่งในตัวอย่างโครงการ ที่หยิบยกมาฝากกันวันนี้ ไปติดตามกันเลย...
hhh
๐ โครงการคิดอย่างยั่งยืนโครงการคิดอย่างยั่งยืน เกิดขึ้นเพื่อรณรงค์และปลูกจิตสำนึกให้คนในสังคม ใช้ชีวิตอย่างมีสติ คิดอย่างมีเหตุผล เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้กับตัวเองและสังคม ถ้าทุกคนมีภูมิคุ้มกันในตัวเองแล้ว ก็จะสามารถก้าวพ้นผ่านปัญหา และวิกฤตการณ์ในชีวิตไปได้อย่างไม่ยากเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เฉกเช่นปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้คนขาดสิ่งยึดเหนี่ยว ไม่มีลู่ทางในการกอบกู้สถานการณ์ด้วยตัวเอง ดังนั้น "สติ" และ "เหตุผล" จึงเป็นหนทางและแสงสว่างที่จะนำทางให้ทุกคนได้พบกับทางออก และความยั่งยืนในชีวิตได้ในที่สุด.........ว้าว !!!!
hhh
อนึ่ง สามารถติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในสังคม moso เพิ่มเติมได้จากhttp://www.mosothai.com/
siepteam thanks

| talk 6 (หนองควาย-kitnews)


บทความนี้ siepteam เก็บเรื่องราวดีดี เกี่ยวกับ Free Copy ที่มีผู้นิยมอ่านมากที่สุดในเชียงใหม่ ตามแจ้งไว้ที่หน้าปก อย่างน้อยก็น่าจะมียอด “แจก” สูงที่สุด
เนื้อหาทั่วไปก็เกี่ยวกับ กิน-เที่ยว แต่ต่างที่วิธีการเล่าเรื่อง และแทรกเรื่องศิลปวัฒธรรม เรื่องท่องเที่ยวธรรมชาติ ไว้มากเช่นกัน มีสอนทำอาหารเหนือด้วย
COMPASS จะพิมพ์ด้วยกระดาษด้านๆธรรมดา แม้แต่ปกก็ไม่ใช่กระดาษมัน เล่มใหญ่มาก ประมาณ A4 สองแผ่นต่อกัน หนาประมาณ 60-90 หน้า แต่หลังๆมีแนวโน้มจะเป็น 60 มากว่า และเป็นสีทั้งเล่ม อัตราส่วนเนื้อหาพอๆกับโฆษณาหรืออาจจะน้อยกว่าพอสมควร มีคนอ่านมากก็เป็นจะแบบนี้....เพื่อเห็นภาพ siepteam หยิบยก 1 เรื่องใน COMPASS มาฝากกัน...เรื่องเป็นอย่างไร ตามมาเลย

Text Little BuffaloPhotographer Karin
COMPASS ฉบับนี้เปิดศักราชใหม่ด้วยการพาไปรู้จักกับกิจกรรมสร้างสรรค์ จรรโลงใจของเด็กๆ บ้านหนองควาย เป็นการรวมตัวกันของเยาวชนตัวน้อยที่ไม่แบ่งแยกว่าลูกใคร เด็กใคร หรือสีไหน แต่พวกเขามารวมตัวกันเพื่อหาความสุขใส่ตัวเองและเพื่อการแบ่งปัน

กิจกรรมทางเลือกใหม่ที่ไม่ใช่แค่การเรียนพิเศษ เดินห้างสรรพสินค้า เข้าร้านเกมส์ แต่ห้องสมุดเยาวชนตำบลหนองควายคือทางเลือกของเด็กกลุ่มหนึ่ง ที่มีการผลิตหนังสือพิมพ์โดยฝีมือของเด็กๆ ในชุมชนหนองควายเอง โดยทำมาได้สองฉบับแล้ว ในชื่อ หนองควาย Kidnews
หนังสือพิมพ์ของเด็กคิดดีทำดีแห่งตำบลหนองควาย อยู่ในอำเภอหางดง (ติดกับพืชสวนโลก) นี่เอง ทำหน้าที่สื่อมวลชนตัวน้อยรายงานเรื่องราวต่างๆ ของชุมชนหนองควายเป็นหลัก นอกจากการรายงานข่าวทั่วไปแล้วยังมีคอลัมน์สนุกๆ เช่น ฉันอยากเป็นใครในนิทาน (คอลัมน์นี้เสริมสร้างจินตนาการ เหมือนเข็มทิศค่อยๆชี้ทางว่าเขาอยากเป็นอะไร หรือไม่อยากเป็นอะไร) อิ่มท้องที่หนองควาย (แหล่งร้านอาหารอร่อยๆประจำตำบล) แนะนำหนังสือ (เรื่องย่อๆหนังสือเล่มโปรดของน้องๆ) เกมงู อู้จ๋าประสาคนเมือง (เติมคำเมืองในช่องว่าง) ข่าวรอบอาณาจักรหนองควาย การ์ตูนสั้น เป็นต้น

เพื่อการเป็นนักสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพ และเข้มข้นของคนข่าว พี่ๆ ทีมงานจากห้องสมุดหนองควายจึงได้มีการจัดอบรมนักข่าวน้อย โดยมีวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถและเป็นนักการศึกษาอย่าง ป้าดาหรือสุชาดา จักรพิสุทธิ์ และพี่เลี้ยง เช่น พี่โอ๋ พี่แหม่ม พี่แอ๊ป ได้มาเล่าข่าวและสอนการเขียนข่าว เพื่อที่ว่าเด็กๆ จะได้มีความรู้และทักษะในการเขียนข่าว แยกแยะข้อเท็จจริง สัมภาษณ์ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเขียนข่าว และหัดตั้งคำถามกับประสบการณ์และเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ถึงแม้ว่ายอดพิมพ์ (ถ่ายเอกสาร) จะยังไม่มากมายเท่าไรนัก แต่เหยี่ยวข่าวทั้งหลายก็ตั้งใจทำงานกันเต็มที่ ไปพร้อมกับการรักษาหน้าที่หลักคือการไปโรงเรียนทุกวันอีกด้วย ฉะนั้นจึงวางแผงเป็นรายสะดวก คือในเวลาที่ทีมงานสะดวกมารวมตัวกันทำ

นอกจากการทำหนังสือพิมพ์แล้ว เด็กๆยังรวมตัวกันเพื่อตั้งกลุ่มขึ้นมาชื่อว่า กลุ่มผู้พิทักษ์(น้อย) ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของเด็กๆที่อยากจะดูแลห้องสมุดของตัวเอง โดยมีการแจกจ่ายหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคน เช่น น้องอายเป็นบรรณารักษ์ ดูแลเรื่องการยืมหรือคืนหนังสือ น้องแยมดูแลเรื่องยืม คืนหนังสือ รับสมัครสมาชิก น้องหมวย น้องยีนส์ดูแลเรื่องโสตวัสดุอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นซีดี เครื่องเล่นวิดีโอและไม่เพียงแค่พิทักษ์ห้องสมุดเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องการพิทักษ์ความดี พิทักษ์โลกอีกด้วย
จากปากคำถ้อยแถลงของตัวแทนสมาชิกที่มาให้สัมภาษณ์ เช่น น้องอาย น้องหมวย น้องแยม น้องยีนส์ น้องโบว์ และสมาชิกหมาดๆ คือน้องเกมและน้องวู้ดดี้ ซึ่งทั้งคู่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิก ด้วยการโหวตของเพื่อนๆ เนื่องจากมีการเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ อยู่บ่อยครั้ง และเนื่องจากทางกลุ่มมีหลักเกณฑ์ว่า การจะเป็นผู้พิทักษ์ไม่ได้ให้เป็นกันง่ายๆ โดยมีข้อตกลงหรือเงื่อนไขว่า ต้องเป็นคนที่มาทำกิจกรรมที่ห้องสมุดอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเด็กอายุ 8 ปีขึ้นไปสมัครได้ ถ้าอายุต่ำกว่า 8 ปีต้องให้สมาชิกโหวตเข้ามา และจะมีเสื้อประจำตำแหน่งให้ด้วย สมาชิกทุกคนจึงมีที่มาด้วยการใช้วิธีโหวต ไม่มีใครเป็นหัวหน้ากลุ่ม ทุกคนทัดเทียมกันหมด ทุกคนเป็นเพื่อนกัน ทำงานด้วยกัน

กิจกรรมอื่นที่นอกจากเด็กๆจะมีส่วนร่วมกับเพื่อนๆในวัยเดียวกันแล้ว ยังได้มีโอกาสทำงานร่วมกับชุมชน เช่น โครงการแบ่งฝันปันอ่าน เป็นกิจกรรมการส่งเสริมการอ่าน 12 โรงเรียนในเขตเชียงใหม่และใกล้เคียง ซึ่งพัฒนามาจากห้องสมุดเคลื่อนที่ ด้วยการอ่านนิทานให้เด็กฟัง เพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับการอ่านและมีกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆเชื่อมโยงไปกับการอ่านอย่างต่อเนื่อง เพราะเด็กๆ ชอบนิทานอยู่แล้ว โดยเฉพาะเด็กอนุบาล จะตื่นเต้นทุกครั้งที่พี่ๆนิทานไปหา

นอกจากกิจกรรมที่จัดที่โรงเรียนแล้ว ยังมีงานอีกส่วนหนึ่งของโครงการ คือ การจัดกิกรรมงานแบ่งฝันปันอ่านเพื่อชุมชนนี่เองที่ทางเหล่าผู้พิทักษ์น้อยได้เข้ามามีส่วนร่วม และแสดงฝีมือร่วมกับพี่ๆในการจัดงาน 4 ครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่ห้องสมุดเยาวชนหนองควาย โรงเรียนวัดหมื่นเงินกอง และงานใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2551 ที่หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ (หอศิลป์สามกษัตริย์) ผู้พิทักษ์ได้มีส่วนร่วม ทำกิจกรรมในส่วนนอกเหนือไปจากการอ่านนิทานก็คือ ได้มีละครของกลุ่มตัวเองชื่อว่า คณะม้าล้วน (เด็กๆย้ำว่าไม่ใช่ม้าลาย)

การที่เด็กมาทำกิจกรรมห้องสมุด ไม่ว่าเขาจะเป็นกลุ่มผู้พิทักษ์ เป็นนักหนังสือพิมพ์ก็ตาม เด็กๆจะไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นี้ อนาคตและสิ่งมุ่งหวังของคณะผู้จัดทำคือ อยากเห็นเขาเป็นเด็กดีมีความคิดเป็นของตนเอง ไม่เสียคน วันหนึ่งเขาเมื่อเขาโตขึ้นไปเป็นรุ่นพี่ เขาก็สามารถดูแลรุ่นน้องได้ เพราะที่ผ่านมาเขามีโอกาสพบแต่สิ่งดีๆ มีความคิดสร้างสรรค์ และได้เห็นวิถีชีวิตที่หลากหลาย ที่สำคัญเมื่อเขารู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของห้องสมุด เขาก็ต้องดูแล แบ่งปัน รับผิดชอบ ทำประโยชน์ให้ผู้อื่น สนุกกับสิ่งที่ทำและรู้สึกดีที่เป็นผู้ให้ น้องๆ หรือ

ผู้ใหญ่ท่านใดที่สนใจ สามารถไปเยี่ยมชมห้องสมุดได้ทุกวันเสาร์อาทิตย์ เวลาบ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น ห้องสมุดอยู่เลขที่ 205 ม.5 บ้านน้ำจำ ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ (ยูเทิร์น ก่อนถึงแยกสะเมิงจะเห็นป้าย ผ่านโรงไฟฟ้า เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปอีกประมาณ 400 เมตร)

นับเป็นเรื่องดีดีอีกเรื่อง ทั้งสิ่งที่ COMPASS และ เด็กบ้าน 'หนองควาย' กำลังทำกัน ที่ siepteam อยากเห็นสิ่งดีดีแบบนี้ เกิดที่ หัวหิน-ชะอำ บ้านเราบ้างจัง...!!
ขอบคุณข้อมูลจาก
www.http://www.compasscm.com
siepteam thanks

| issue 11 (ฟื้นกระดาษเป็นสมุด)




โครงการคืนชีพให้กระดาษ ชูแนวคิดใช้คุ้ม รณรงค์กระดาษ A4 ใช้หน้าเดียว ส่งต่อเป็นสมุดเท่ๆ ให้เด็กชนบทนั่นเองเป็นที่มาของเจตนาดีๆ ใน โครงการเปเปอร์เรนเจอร์ (Paper ranger) “โครงการคืนชีพให้กระดาษ ขบวนการหน้าเดียว” ซึ่งกำลังก่อการดี นำแนวคิดการใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าไปรณรงค์ตามโรงเรียนมัธยมฯ และมหาวิทยาลัยหลายแห่งอยู่ในเวลานี้ ล่าสุดไปจัดกิจกรรมเชิญชวนคนรุ่นใหม่ใจดีเนรมิตเศษกระดาษหน้าเดียวกองโตให้กลายเป็นสมุดทำมือเก๋ไก๋ ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

พี พูลยศ กัมพลกัญจนา ผู้ประสานงานโครงการเปเปอร์เรนเจอร์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจากความรู้สึกสงสารธรรมชาติ และเสียดายกระดาษจำนวนมากที่ถูกใช้ไปแค่หน้าเดียว โดยเฉพาะเอกสารที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่างกระดาษเอ 4 ที่เกือบทุกโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสำนักงานต่างๆ จะมีเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วยังเหลือหน้าขาวๆ ใช้งานได้อีกด้านหนึ่งก่อนเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ อันจะเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สอดรับกับกระแสลดภาวะโลกร้อนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“โครงการคืนชีพให้กระดาษ ขบวนการหน้าเดียวจึงเกิดขึ้น และได้รับการสนับสนุน ตลอดจนคำปรึกษาแนะนำจากมูลนิธิสยามกัมมาจลตั้งแต่ปลายปี 2551 เป็นต้นมา” พีกล่าว โดยที่ผ่านมามีการออกประชาสัมพันธ์ และรณรงค์ให้เกิดการใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าทั้ง 2 หน้า แล้วในหลายมหาวิทยาลัย อาทิ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรินทรวิโรฒ ประสานมิตร จนประสบผลสำเร็จค่อนข้างน่าพอใจ ทั้งกิจกรรมการตั้งกล่องรับบริจาคกระดาษใช้แล้วหน้าเดียวในห้องคอมพิวเตอร์ ร้านถ่ายเอกสาร หน้าหอพักนักศึกษา บางส่วนยังได้รับบริจาคจากห้างร้านที่เห็นคุณค่าของโครงการ ฯลฯ

ขณะเดียวกันก็เริ่มสร้างแกนนำในสถานศึกษาที่จะรับไม้ต่อโครงการในระยะยาว ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว กระดาษใช้แล้วหน้าเดียวเหล่านี้จะถูกแปรสภาพให้กลายเป็นสมุดทำมือน่ารักน่าใช้ส่งตรงถึงมือผู้บริโภคหัวใจสีเขียวในรูปของการแจกจ่าย และจำหน่ายนำรายได้บำรุงโครงการต่อไป

สำหรับสมุดทำมือประมาณ 500 เล่มที่มีการจัดทำในกิจกรรมครั้งล่าสุดนี้ จะได้รับการส่งต่อไปยังสามเณรน้อยในโรงเรียนชนบทภายใต้การประสานงานของโครงการอาหารเพลเพื่อสามเณรในชนบท มูลนิธิเด็ก จำนวน 10 โรงเรียน โรงเรียนละ 50 เล่ม เพื่อใช้เป็นสมุดนักเรียนเล่มสวย อาทิ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดนิโครธาราม อ.ท่าวังผา จ.น่าน,โรงเรียนพระปริยัติศาสนาภิพัฒน์วัดเมืองราม อ.เวียงสา จ.เชียงราย และโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดวังสะพุงพัฒนาราม อ.วังสะพุง จ.เลย

โดยเชื่อว่าผลตอบรับจากกิจกรรมครั้งนี้ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 50 คน ทั้งที่เป็นนักศึกษา นิสิต นักเรียน และครอบครัวพ่อแม่ลูกที่จูงมือกันมาร่วมทำสมุดทำมือจากกระดาษหน้าเดียว จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดจิตสำนึกการใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าแพร่ขยายไปยังสังคมในวงกว้างมากขึ้นในอนาคต

น้องกริช กริช จั่นอาจ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เยาวชนที่มาร่วมกิจกรรม กล่าวว่า เวลานี้ ตัวเขาและเพื่อนๆ กำลังเก็บรวบรวมกระดาษใช้แล้วทุกรูปแบบไปมอบให้แก่โรงงานกระดาษเพื่อนำไปรีไซเคิลเพื่อผลิตกระดาษใหม่อีกครั้ง โดยเป็นโครงงานในวิชาสังคมและการเมืองที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพต้องการให้นักศึกษาทำกิจกรรมเพื่อสังคม พบว่า โครงงานดังกล่าวได้รับการตอบรับค่อนข้างดี มีเพื่อนนักศึกษานำกระดาษใช้แล้วมาบริจาคตามจุดรับบริจาคค่อนข้างมาก
การมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ กริชได้ทราบข่าวมาจากเพื่อน และชวนเพื่อนๆ มาทำกิจกรรมกว่า 10 คน เมื่อมาแล้วก็ได้ทั้งเพื่อนใหม่ และแนวความคิดกลับไปต่อยอดโครงงานที่กำลังทำอยู่ เช่น การเพิ่มมูลค่าของกระดาษใช้แล้วหน้าเดียวให้สูงขึ้น ไม่เพียงแต่การเก็บรวบรวมกระดาษใช้แล้ว แต่สามารถนำกระดาษเหล่านั้นมาสร้างสรรค์เป็นสมุดจดที่มีความสวยงามได้ด้วย “จิตอาสาเป็นเรื่องที่ตรงตัวอยู่แล้ว คือ ใจเราอยากจะทำเอง ไม่ได้มีใครบังคับ แต่เราคิดที่อยากจะทำ อยากแบ่งปันเผื่อแผ่อะไรให้คนอื่นๆ บ้าง”
ราเชน บุญเต็ม พี่เลี้ยงเยาวชนรักษ์บ้านเกิดด้านวัฒนธรรมในโครงการส่งเสริมการจัดการความรู้ของเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น (4 ภาค) มูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวว่า รู้สึกดีที่ได้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ และรู้สึกสนุกเพลิดเพลินไปกับกิจกรรม มองว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มาก ซึ่งเขาจะนำแนวคิดการใช้กระดาษให้คุ้มค่าไปเผยแพร่ให้แก่น้องๆ เยาวชนในพื้นที่ตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ทำตาม

ที่สำคัญยังจะนำแนวคิดนี้ไปชักชวนน้องๆ ในสถานพินิจเด็กและเยาวชน จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ทำสมุดบันทึกจากกระดาษหน้าเดียวใช้ เพราะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างขาดแคลน การทำสมุดบันทึกจากกระดาษหน้าเดียวจึงช่วยให้เยาวชนที่รักการขีดๆ เขียนๆ ในสถานพินิจเด็กและเยาวชน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอุปกรณ์การเขียนที่ครบครันมากขึ้น “ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นผู้ที่มีจิตอาสา ทั้งยังเป็นการมาทำบุญร่วมกัน และเป็นการช่วยเหลือสังคมไปในตัวด้วย”

ทางด้านผู้ใหญ่ใจดีที่มาร่วมกิจกรรม เยาวรัตน์ โนนกอง ผู้ช่วยผู้จัดการด้านการประกันคุณภาพของบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ปกติในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เธอมักชักชวนเพื่อนๆ ไปทำบุญที่วัด หรือไปเลี้ยงเด็กกำพร้าตามสถานสงเคราะห์อยู่เสมอๆ เช่นกันกับกิจกรรมสมุดทำมือเพื่อสามเณรครั้งนี้ ซึ่งทำให้ได้รับความรู้ ได้เพื่อน และได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยพบมาก่อนหากไม่ได้เข้ามาสัมผัส “โดยส่วนตัวแล้วจะมองว่าการทำกิจกรรมจิตอาสา เราสามารถทำได้โดยไม่เป็นการเบียดบังเวลาทำงาน หรือเวลาสำหรับชีวิตด้านอื่นๆ เลย ขึ้นอยู่กับการจัดสรรเวลามากกว่า ว่าเราจะจัดเวลามาทำกิจกรรมเหล่านี้หรือไม่”

ส่วนนักกิจกรรมรุ่นเล็ก พรรณธร สุขกลัด อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป. 5 โรงเรียนเศรษฐบุตรอุปถัมภ์ ที่มาร่วมกิจกรรมพร้อมกับคุณแม่ บอกว่า เธอเพิ่งร่วมทำกิจกรรมหนังสือธรรมะทำมือในโครงการธรรมะทำมือ “ใจสบายแม้กายป่วย” ที่สวนรถไฟมาเมื่อไม่นานมานี้ จึงสนใจมาร่วมกิจกรรมสมุดทำมือด้วย โดยคุณแม่ได้เตรียมกระดาษหน้าเดียวจากสำนักงานมาสมทบด้วยจำนวนหนึ่ง เมื่อมาแล้วก็รู้สึกสนุกไปกับกิจกรรม ไม่รู้สึกเบื่อ เหนื่อยก็พัก หรือเดินชมพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทยที่เปิดให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้เข้าชมฟรี ทำให้ได้รับความรู้ไปอีกแบบ ส่วนกิจกรรมสมุดทำมือก็เป็นกิจกรรมที่ทำได้ง่าย และสามารถทำได้ที่บ้าน ซึ่งหากมีกิจกรรมอย่างนี้อีกก็จะมาร่วมกิจกรรมอีกอย่างแน่นอน

ขณะที่ ปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวว่า โครงการคืนชีพให้กระดาษ ขบวนการหน้าเดียว ถือเป็นโครงการที่มูลนิธิสยามกัมมาจลให้การสนับสนุนการปลูกจิตสำนึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แก้ปัญหาโลกร้อน บนวิถีความพอเพียงให้แก่เยาวชน ซึ่งถือเป็นกิจกรรมจิตอาสาอย่างหนึ่งที่คนทุกเพศวัยสามารถทำได้ต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากจะได้สมุดทำมือส่งต่อไปยังสามเณรในชนบทแล้ว กิจกรรมครั้งนี้ยังเป็นกุศโลบายที่ดีที่เชื่อมโยงผู้ที่มีจิตอาสา ทำความดีให้กับสังคม เกิดการเรียนรู้จากข้างใน ได้พบปะ ทำความรู้จัก ตลอดจนเชื่อมร้อยเป็นเครือข่ายร่วมกัน

โดยในส่วนของมูลนิธิสยามกัมมาจล นอกจากกิจกรรมนี้ยังขอเชิญชวนเยาวชนที่สนใจเข้าร่วมทำกิจกรรมกับมูลนิธิสยามกัมมาจล ซึ่งมีโครงการส่งเสริมเยาวชนทำกิจกรรมจิตอาสาในอีกหลายโครงการ เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษา ส่งเสริมให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาเข้าทำกิจกรรมช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยเด็กและผู้ป่วยทหารจากเหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้ ในโรงพยาบาล รวมถึงโครงการส่งเสริมการจัดการความรู้ของเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น (4 ภาค) ส่งเสริมให้เยาวชนแกนนำใน 4 ภูมิภาคทำกิจกรรมพัฒนาตนเอง และใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนบ้านเกิดได้อย่างมีความสุข เยาวชนที่สนใจสามารถแสดงความจำนงเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ที่มูลนิธิสยามกัมมาจล โทร.(02) 544-2513, (02) 544-3991

ทำดีทำได้ไม่ต้องเดี๋ยว เน๊อะ พี่น้องว่ามั๊ย...เอ พวกเราก็น่ามีโครงการดีดี หรือผู้ริเรื่มดีดี อย่างนี้บ้างก็เข้าท่าดีนะ...หรือเรามาเริ่มทำอะไรอย่างนี้ด้วยกันมั๊ย..เอามั๊ยๆๆ....สวัสดี

ขอบคุณข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ
siepteam thanks

| issue 10 (Green concept)


"Green Concept"
6 แนวทางเพื่อบ้านประหยัดพลังงานตัวอย่างแบบบ้านรักษ์โลกอีกตัวอย่างหนึ่งจากประเทศอังกฤษ

เป็นเรื่องดี ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่นำมาฝากกัน หากครอบครัวของพี่น้องท่านใดกำลังมีแผนจะปลูกสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัย ก็มีแนวทางดี ๆ 6 แนวทางที่สามารถช่วยประหยัดพลังงานให้ได้พิจารณาประกอบการตัดสินใจ

สาเหตุที่ต้องให้ความสำคัญกับ "บ้านประหยัดพลังงาน" มากขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน เป็นเพราะสังคมโลกทุกวันนี้ การได้มาซึ่งพลังงานค่อนข้างสะดวกง่ายดายมากกว่าในอดีต หากแต่ราคาก็ถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาระของหลายคนที่ต้องแบกรับด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้บ้านต้องกลายเป็นสถานที่สิ้นเปลืองพลังงาน และดูดเงินเก็บของครอบครัวไปแทนที่จะนำไปใช้ตามความจำเป็นด้านอื่นๆ

ศาสตราจารย์ ดร. สุนทร บุญญาธิการ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารประหยัดพลังงาน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีแนวคิดดีดีมาฝากท่านที่ต้องการมีบ้านสบายกัน "เมื่อเราพูดถึงบ้านประหยัดพลังงาน ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนชื้น สิ่งที่ทำให้เราสิ้นเปลืองพลังงานมากเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ ความร้อน ถ้าเราสามารถกันความร้อนไม่ให้เข้ามาในบ้านได้ ก็จะช่วยลดการใช้พลังงานในบ้านไปได้เยอะมากทีเดียว" แนวทางที่สามารถป้องกันความร้อนไม่ให้เข้ามาในบ้านนั้นมีตั้งแต่ การหาวัสดุก่อสร้างที่สามารถกันความร้อน และความชื้นได้ดี การจัดมุมของบ้านให้ไม่รับแสงอาทิตย์ตรงๆ หรือการปลูกต้นไม้ใหญ่บังแดด "ตัวแปรอะไรที่ทำให้ความร้อนเข้ามาในบ้านได้มาก นั่นก็คือ ดวงอาทิตย์ หากเราจะปลูกบ้านให้อยู่เย็น อยู่สบาย จะต้องคำนึงถึงดวงอาทิตย์ให้มาก ว่าแสงอาทิตย์จะส่องมาทางไหน ช่วงที่แดดจัดๆ เป็นช่วงเวลาใด และปรับแผนผังของบ้านให้เหมาะสม"

เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยไกลตัวแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ปัจจัยใกล้ตัวอย่างสภาพแวดล้อมโดยรอบ "นอกจากแสงอาทิตย์ที่ทำให้บ้านร้อนแล้ว หากรอบบริเวณบ้านไม่มีต้นไม้เลย ก็ไม่มีทางเย็นได้เช่นกัน เราจึงต้องทำรอบๆ บริเวณบ้านให้เย็นเสียก่อน ด้วยการปลูกต้นไม้เยอะๆ และจัดแลนสเคปให้เหมาะสม เท่านี้ก็ประหยัดค่าแอร์ไปได้มากแล้ว" หาประโยชน์จากธรรมชาติ การหาประโยชน์จากธรรมชาติดังหัวข้อที่ว่านี้ เป็นเรื่องของสายลมที่พัดไปมาตลอดวันไม่หยุดนิ่ง

ดังนั้นการจับทิศทางลมให้ได้ก่อนลงมือปลูกบ้านเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง "เมืองไทยมีทั้งแสงแดดจัดก็จริง แต่เราก็มีลมดีลมเย็นด้วย ถ้าเรานำประโยชน์จากลมธรรมชาติมาใช้ ก็จะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ประหยัดพลังงานให้บ้านได้มหาศาล เนื่องจากอากาศภายในบ้านหมุนเวียน ไม่อับ การถ่ายเทอากาศทำได้ดี" ศ.ดร.สุนทรกล่าวเพิ่มเติม

ส่วนปัจจัยที่ผู้ปลูกบ้านต้องคำนึงถึงนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ นั่นก็คือ การเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ซึ่งมีวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป เลือกเบอร์ที่ประหยัดไฟสูงสุด หรือมิเช่นนั้น ก็ต้องเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นหลัก จึงจะทำให้การประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

และปัจจัยสุดท้ายที่ทางผู้เชี่ยวชาญมองเห็นว่าเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงไม่แพ้กันก็คือ การบำรุงรักษา บ้านที่ปลูกด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ราคาแพง แต่การบำรุงรักษาทำได้ยาก มีค่าใช้จ่ายสูง ก็ไม่สามารถรับคำจำกัดความว่าเป็นบ้านประหยัดพลังงานไปได้เช่นกัน

"ข้อสุดท้ายเป็นคอนเซ็ปต์ของบ้านทุกหลังที่ควรจะมี เพราะการที่สามารถบำรุงรักษาได้ง่ายนั้นหมายถึงความยั่งยืน มั่นคงของบ้านครับ" ศ.ดร.สุนทร กล่าวปิดท้าย สรุปกันอีกทีก่อนจากค่ะ ว่าทั้ง 6 แนวทางที่ผู้ปลูกบ้านควรคำนึงถึงนั้นประกอบด้วย
1. การพิจารณาสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด ต้นไม้
2. การเลือกวัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้าน
3. การจัดรูปแบบของบ้านให้เหมาะสม
4. การหาประโยชน์จากธรรมชาติ เช่น
5. การเลือกใช้อุปกรณ์แบบประหยัดพลังงาน หรือมีประสิทธิภาพสูง
6. คำนึงถึงการบำรุงรักษา และความยั่งยืนของบ้าน

เท่านี้ สองมือของเราก็จะสามารถช่วยให้โลก "เย็น" ขึ้นได้อีกทางหนึ่งแล้วล่ะ..สวัสดี

ขอบคุณข้อมูลจากผู้จัดการออนไลน์
siepteam thanks

25 ธันวาคม 2552

| issue 9 (ปฎิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม)




ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม คืออะไร ?
เป็นปฏิบัติการพิเศษที่เกิดขึ้นเพื่อทดลองสร้างต้นแบบเมืองน่าอยู่ตัวอย่าง ที่ใช้ความรู้มานำความคิดและใช้พลังความร่วมมือของคนในชุมชนที่อยู่อาศัย มาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง

ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อเมืองเชียงใหม่ และเพื่อการเป็นต้นแบบให้แก่เมืองอื่นๆในประเทศไทยต่อไป
ต้นแบบปฏิบัติการครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะนำไปสู่แนวทางการสร้างเมืองน่าอยู่ให้เกิดขึ้น ทั่วประเทศต่อไป

เป้าหมายแรกของปฏิบัติการพิเศษ
คือการร่วมลดปริมาณขยะให้ได้ 30% การสร้างพฤติกรรมใหม่ในการร่วมลดการปล่อยน้ำเสียลงคลอง และสร้างพลังการบริโภคอาหารอินทรีย์ เกิดแหล่งการเข้าถึงได้ 99 แห่งมาดูกันว่า การรวมคน รวมความคิด รวมความรู้ รวมความร่วมมือในปฏิบัติการครั้งนี้ จะสามารถเอาชนะอุปสรรค ปัญหา และวิกฤติที่เกิดขึ้นกับเมืองได้หรือไม่ ?

กว่าจะมาเป็น “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” แต่ก่อนแต่ไรมา องค์กรที่ทำงานขับเคลื่อนเรื่องการสร้างเสริมสุขภาวะอย่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้พยายามที่จะพัฒนางานสร้างเสริมสุขภาวะในลักษณะเชิงประเด็นมาโดยตลอด ซึ่งการทำงานเชิงประเด็น ได้ประโยชน์ในการเกาะติดงานเชิงลึกเป็นอย่างดี แต่ก็พบว่ายังมีจุดอ่อนในหลายอย่างที่ทำให้เป้าหมายรวมของการเปลี่ยนแปลงภาพรวมเห็นผลไม่ชัดเจน

สสส. ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทด้านนี้โดยตรง จึงได้ริเริ่ม ที่จะขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาวะในรูปแบบใหม่ นั่นคือการบูรณาการงานในพื้นที่ ด้วยความเชื่อที่ว่า หากคนในพื้นที่ของตนเอง เข้าใจปัญหา รู้จักอาการป่วยของตนเอง และมีวิธีคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และถูกวิธี พลังของความร่วมมือจากทุกคน สามารถนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง ได้ไม่ยาก

ต้นแบบงานบูรณาการในพื้นที่
จึงได้เริ่มทดลองขึ้นในหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะพัฒนาเป็นต้นแบบที่ดี
เพื่อขยายผลในการนำมาปรับปรุงกับพื้นที่อื่นๆต่อไป ในพื้นที่ต้นแบบของการงานบูรณาการ คือที่จังหวัดเชียงใหม่ การรวมพลังของคนจากหลากหลายความคิด หลากหลายพื้นที่มาช่วยกันคิด จึงเกิดเป็น “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” ปฏิบัติการสร้างการเปลี่ยนแปลง 3 เรื่องหลัก ได้แก่ ๐ คือการร่วมลดปริมาณขยะให้ได้ 30% การสร้างพฤติกรรมใหม่ในการร่วมลดการปล่อยน้ำเสียลงคลอง และสร้างพลังการบริโภคอาหาอินทรีย์ เกิดแหล่งการเข้าถึงได้ 99 แห่ง ถ้าความร่วมมือของปฏิบัติการนี้สำเร็จ สิ่งที่จะเกิดขึ้นการการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองให้น่าอยู่ เพื่อคนเชียงใหม่ทุกคน

จุดสตาร์ท “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม”
มีการกำหนดระยะเวลาเริ่มปฏิบัติภารกิจทั้ง 3 อย่าง เรื่องขยะ น้ำเสีย อาหารอินทรีย์ ในระยะเริ่มต้น คือ 99 วัน จุดสตาร์ทวันแรก เริ่มต้นตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 วันขึ้นปีใหม่ วันเริ่มต้นการรวมพลัง รวมใจของคนในเชียงใหม่ ให้ร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม จึงเป็นช่วงการเตรียมความพร้อมของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ นักวิชาการ สื่อมวลชน ชุมชน

และที่สำคัญเพื่อ “ลับคม” ความสามารถของคนรุ่นใหม่ ให้ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลง พี่ๆรุ่นใหญ่จากกรุงเทพ ทั้งพี่เก้ง GTH พี่ก้อง a day พี่เชค ทีวีบูรพา พี่จูดี้ Jeh United พี่ซุป Super jeew และอาศรมศิลป์ เตรียมตัว เตรียมใจ แพคกระเป๋าไปสอนทุกเทคนิค ทุกกลเม็ด ให้ถึงเชียงใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน ไม่ใช่เพื่อ “ลับคม” ของคนรุ่นใหม่อย่างเดียว แต่ภารกิจเวิร์กชอปในครั้งนี้ ยังหวังที่จะหาผู้กล้าในเชียงใหม่มาร่วมเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติการเชียงใหม่ต่อไปในระยะยาว

เมื่อปฏิบัติการพร้อม นักวิชาการมาเพียบพร้อมข้อมูล เกิดพลังขึ้นในชุมชน เครือข่ายสื่อช่วยกันบอกเล่าข่าวคราวอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ มีคนรุ่นใหม่ร่วมสานต่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเมือง 1 มกราคม 2553
จุดสตาร์ทร่วม “ปฏิบัติการเชียงใหม่เอี่ยม” จะเริ่มต้นขึ้น

wow wow wow wow wow
siepteam ให้ 5 wow สำหรับโครงการอภิมหาครีเอท!!! สุดๆแบบนี้..เจ๋งอ่ะเจ๋งอ่ะ..ไปต่อกันเร้ววว์ที
http://www.ourbetterchiangmai.org

| issue 8 (เกษตรปราณีต)




ขอบคุณข้อมูลจาก www.porpeanglife.com
siepteam thanks

| people 9 (นักบริหารหัวใจสีเขียว)


‘นักบริหารหัวใจสีเขียว’
เรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์oห้อง “Art and Craft” ณ ฟันเนเรียม กลางใจเมืองสุขุมวิท 26 ของเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกวิทย์ที่ทาสีสันสดใสตกแต่งและประดับประดาไปด้วยวัสดุรีไซเคิลทั้งหมด อาทิ กรอบรูปที่ทำจากกระดาษลัง กระดาษใช้แล้ว และดินสอสีเหลือใช้ หรือแม้แต่แก้วน้ำพลาสติกก็นำกลับมาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะตามจินตนาการของเด็กๆ ได้

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความพยายามที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังให้เด็กๆ รู้จักรักสิ่งแวดล้อม เพราะเด็กๆ คือผ้าขาว อยากปลูกฝังอะไรต้องทำให้เด็กดูo
เรืองวิทย์ :
ผู้ก่อตั้งและบริหาร “ฟันเนเรียม” ที่คอยต้อนรับเด็กอายุแรกเกิดจนถึง 13 ปี บอกว่า ด้วยคุณพ่อลูก 2 ต้องการหากิจกรรมให้ลูกๆ ทำ ที่สำคัญกิจกรรมนั้นต้องทำในสถานที่ที่ปลอดภัย สะอาด และกิจกรรมนั้นต้องเป็นเกมที่เสริมทักษะให้กับลูก ผสมผสานกับจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม จึงคิดทำห้อง “Art and Craft” ด้วยเขาต้องการปลูกฝังให้เด็กๆ รักสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากเรื่องใกล้ตัว ด้วยการนำวัสดุเหลือใช้มาใช้สร้างสรรค์งานศิลปะ
“ผมอยากหากิจกรรมที่ทุกครอบครัวทำร่วมกันได้ ซึ่งทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่มีหัวใจรักงานศิลปะทุกคน เด็กทุกคนอยากวาดรูป พ่อแม่เห็นลูกทำศิลปะก็ชอบ ศิลปะช่วยจรรโลงจิตใจ สร้างจินตนาการมากมาย ศิลปะมีหลากหลายแขนง ผมจึงมานึกถึงเมื่อทุกคนอยากรณรงค์เรื่องลดภาวะโลกร้อน รีไซเคิล รียูส รีดิวซ์ ทำไมเราไม่ทำตรงนี้ ห้องนี้จึงทำรีไซเคิลอาร์ตเป็นหลัก”
วัสดุทุกชิ้นมีค่า :
วัสดุเหลือใช้ต่างๆ ทั้งหมดที่นำมาใช้สร้างงานศิลปะ ล้วนเป็นขวดน้ำ แก้วน้ำพลาสติก ฯลฯ ด้วยนโยบายของนายใหญ่คือ ทุกอย่างห้ามทิ้ง ใครจะทิ้งอะไรต้องมาปรึกษาเรืองวิทย์ก่อน “ถ้าไปดูที่ออฟฟิศพนักงานจะเห็นกล่องต่างๆ ขยะเปียกทิ้งไป แต่ขยะแห้งต้องเก็บไว้ ส่วนที่มีขยะมากที่สุดคือห้องครัว เราจึงมีนโยบายเก็บขวดน้ำทุกขวด กระป๋องน้ำอัดลม ถาดรองไข่ กล่องป๊อปคอร์น ฝาเบียร์ ขยะทุกชิ้นล้วนมีค่า ก่อนทิ้งต้องตัดแยก ล้างให้สะอาด และนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อ”
ปลูกฝังเด็กๆ รักสิ่งแวดล้อม :
เวลาที่หลายฝ่ายณรงค์ให้เด็กๆ รู้ถึงเรื่องรีไซเคิล ผู้ใหญ่จึงควรทำให้เด็กๆ เห็น และต้องทำทุกวันในชีวิตประจำวัน ดังคำขวัญที่ว่า Everyday is play day สิ่งที่เรืองวิทย์อยากเห็นในเด็กๆ ด้านการรักธรรมชาติ คือ ให้เด็กๆ รักธรรมชาติและมีวินัยมากๆ เช่น ทิ้งขยะให้เป็นที่ รักความสะอาด และคิดก่อนทิ้ง
“ผมอยากให้เด็กเห็นว่าเรารักษ์โลก ใช้ขยะให้เกิดประโยชน์หรือคิดก่อนทิ้งสามารถทำได้ตลอดเวลา ผมพยายามรณรงค์ให้เด็กๆ และพนักงานคิดก่อนทิ้ง ผมคิดว่าเด็กๆ เหมือนผ้าขาว อยู่ที่ว่าเราจะใส่อะไร โดยเฉพาะศิลปะถ้าเด็กๆ เห็น เด็กๆ สามารถนำไปคิดต่อได้อีกเยอะ เช่น พนักงานทำของเล่นที่ทำจากวัสดุเหลือใช้หนึ่งชิ้น และหนึ่งชิ้นอาจคิดต่อยอดไปสร้างสรรค์งานอีกหลากหลายก็ได้ เขากลับไปบ้านก็เอาวัสดุที่บ้านมาทำงานศิลปะได้ หรือทำร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้”
เปลี่ยนขวดเปล่าเป็นแชนเดอเลียร์ :
อกจากงานศิลปะในห้อง “Art and Craft” แล้ว กลางสนามเด็กเล่นยังมีแชนเดอเลียร์ที่ทำจากขวดน้ำเปล่า ได้รับการออกแบบทาสีและตัดเป็นรูปดอกไม้ ฝีมือการสร้างสรรค์ของพนักงานฟันเนเรียม ที่ได้รับโจทย์จากนายใหญ่ให้ผลิตของจากวัสดุเหลือใช้ ขวดน้ำเปล่าจำนวน 1,500 ขวด จึงเปลี่ยนจากขวดน้ำไร้ค่ามาเป็นแชนเดอเลียร์ติดประดับกลางฟันเนเรียม เป็นที่ดึงดูดแก่ทุกสายตา นอกจากนี้ ยังมีกรอบรูปฝีมือเด็กๆ กล่องทีวีนำมาตัดทำเป็นกรอบรูป ประดับด้วยไม้ไอศกรีมและกระดุมหลากสี และดินสอสีแท่งสั้นกลายมาเป็นกรอบรูปน่ารักๆ เป็นความภาคภูมิใจของเด็กๆ วางประดับตกแต่งอยู่ในห้องศิลปะนี้ด้วย
สุดท้าย
สิ่งที่เรืองวิทย์เป็นกังวลเกี่ยวกับธรรมชาติก็ คือ อากาศที่แปรปรวน ฤดูหนาวสั้น ฤดูฝนมาก่อนกำหนด ส่วนน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ หรือไม่ เป็นสิ่งที่นักบริหารหัวใจสีเขียวไม่กังวลเท่าไหร่ เพราะเมืองไทยมีเทคโนโลยีที่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ดูอย่างเนเธอร์แลนด์ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลก็ยังอยู่ได้มานานหลายสิบปี
“สิ่งที่ผมเป็นกังวลคือการเพาะปลูก ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกร ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ ถ้าดินฟ้าอากาศแปรปรวน คงกระทบกับรายได้ของเขา เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะเกษตรกรจะผลิตผลผลิตไม่ได้ตามฤดูกาล”

ขอบคุณข้อมูลจาก โพสท์ทูเดย์ :เรื่อง : วราภรณ์ ภาพ : ภัทรชัย ปรีชาพานิช
siepteam thanks

| people 8 (โครงการนักสืบสิ่งแวดล้อม)


ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์
หรือที่ทุกคนรู้จักดีในชื่อ ดร.อ้อย เลขาธิการมูลนิธิโลกสีเขียว ผู้ริเริ่มโครงการนักสืบสิ่งแวดล้อม โครงการง่ายๆ ในการช่วยกันสำรวจสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ที่แสดงให้เห็นว่าทุกคนสามารถเรียนรู้ธรรมชาติได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

เธอเล่าว่าโครงการนักสืบสิ่งแวดล้อมคือคนที่สังเกตและบันทึกความเป็นไปในสิ่งแวดล้อม และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ดูแลสิ่งแวดล้อม ทางมูลนิธิฯ จึงมุ่งพัฒนาทักษะให้สามารถอ่านสิ่งแวดล้อมได้เหมือนอ่านหนังสือ เป็นต้นว่า ถ้ารู้จักสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำ รู้ว่าเป็นตัวอะไร แล้วรู้ว่ามันมีชีวิตอย่างไร ก็จะรู้คุณภาพน้ำและสภาพสายน้ำตรงนั้นได้ ซึ่งจะนำไปสู่การวิเคราะห์ปัญหาและดูแลสิ่งแวดล้อมได้ถูกจุดบนพื้นฐานของข้อมูลจริง

“จุดเริ่มต้นของโครงการนักสืบสิ่งแวดล้อม เพราะอยากให้คนเราอ่านธรรมชาติได้เหมือนกับการอ่านหนังสือ การที่เราเห็นธรรมชาติและได้รู้จักความเป็นไปก็เหมือนเราได้รู้จักไวยากรณ์ของภาษา ถ้าเรารู้และเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดรอบๆ ตัว จะทำให้เราเห็นปัญหาและสามารถแก้ปัญหาได้ทันเวลาก่อนจะสายเกินไป โดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นคนรุ่นใหม่ ทุกคนสามารถพัฒนาเครื่องมือที่จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมของเราให้ดีได้เอง ด้วยการรู้จักสังเกตสภาพแวดล้อมที่เป็นไปรอบๆ ตัวเรา ล่าสุดกำลังศึกษาเรื่องไลเคนที่อยู่บนต้นไม้ ซึ่งพบว่ามันมีความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งปอดของคน สถานที่ที่มีไลเคนมาก คนจะเป็นมะเร็งปอดน้อย ซึ่งกำลังจะเริ่มทำเร็วๆ นี้ ก็อยากเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมตรวจสภาพอากาศกันค่ะ เพราะสภาพแวดล้อมที่ดีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็ชอบเหมือนกัน เพื่อที่จะอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน”
siepteam thanks

| people 7 (เบื้องหลังโครงการสีเขียว)


ชายผู้อยู่เบื้องหลังโครงการสีเขียว

ดร.จิตรพลดร.จิรพล สินธุนาวา นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมผู้อยู่เบื้องหลังโครงการมากมาย อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ริเริ่มโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ มาแล้วมากมาย อาทิ โครงการ “รวมพลังหาร 2” สร้างมาตรฐานการรักษาสิ่งแวดล้อมของโรงแรมไทยภายใต้ชื่อ “มาตรฐานใบไม้เขียว” และก่อตั้งสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างทีมงานและอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ที่จะช่วยสานต่อสิ่งดีๆ ขับเคลื่อนสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นได้ สนใจดูได้ที่ www.adeq.or.th

ดร.จิรพล บอกวิธีการที่ดีที่สุดในการช่วยลดโลกร้อนว่า ควรปรับชีวิตให้เดินทางน้อยลง และกลับมาใช้ชีวิตให้เรียบง่ายที่สุด “ขณะที่โลกร้อนขึ้นทุกวัน แต่คนไทยยังใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแต่การรณรงค์ แต่ไม่มีใครทำอะไร เพราะรัฐบาลยังไม่ได้สั่งการอะไรอย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆ ที่ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อย ดังนั้นยังไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา ความคิดนี้น่ากลัวมาก เพราะประเทศที่ไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้เลยจะได้รับผลกระทบมากและยาวนานที่สุด”

“จุดเริ่มต้นของโครงการต่างๆ เพื่อสังคมนั้น เกิดจากการที่ได้เห็นการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองของมนุษย์ ดังนั้นคนรุ่นใหม่จึงไม่ควรละเลยและตระหนักใส่ใจในการสร้างพฤติกรรมดีๆ ต้องมาพิทักษ์รักษาสิทธิของตัวเอง อย่ามองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้เข้าไปทำอะไรเลย และที่สำคัญเราไม่รู้ว่าเราสามารถอยู่บนโลกนี้ได้โดยใช้พลังงานน้อยกว่านี้ก็ได้ เพราะคนเราเดี๋ยวนี้รับรู้ แต่ขาดความเข้าใจ พอขาดความเข้าใจก็ไม่สามารถตระหนักได้ จึงทำให้ขาดแรงจูงใจในการสร้างพฤติกรรมดีๆ ตรงนี้จึงเป็นที่มาของโครงการก่อตั้งสมาคมพัฒนาสิ่งแวดล้อม เนื่องมาจากเราอยากสร้างทีมงานและอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ที่จะช่วยสืบทอดและสานต่อกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้กับสังคม

siepteam thanks

| people 6 (คนแรก-ครั้งแรก กับกังหันลมผลิตไฟฟ้า)


กังหันลมผลิตไฟฟ้ารายแรกของไทย

บรรยง ขยันกิจ สุดยอดคนไทยคนแรกที่ผลิตกังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจ จากอดีตนายช่างเทคนิคประจำมหาวิทยาลัยบูรพา อาศัยวิชาช่างที่ตนเองถนัดบวกกับประสบการณ์และภูมิปัญญาช่างชาวบ้าน ด้วยความเพียรพยายามและสนใจจนประดิษฐ์กังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าได้สำเร็จเป็นคนแรกของไทย พร้อมเผยแพร่เพื่อสอนและรวบรวมวิธีทำกังหันลมพร้อมจัดเวิร์กช็อปให้กับผู้ที่สนใจผ่านเว็บไซต์ www.thaiwindmill.com

“กระแสภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นมักจะฟุ่มเฟือย ซึ่งความฟุ่มเฟือยในที่นี้นั้นหมายถึงความฟุ่มเฟือยทางพลังงาน ผมเองเป็นคนต่างจังหวัด โดยชีวิตส่วนใหญ่ก็อาศัยอยู่ต่างจังหวัด จึงทำให้เห็นถึงความแตกต่างในการใช้พลังงานของคนในเมืองใหญ่และคนชนบท เพราะคนต่างจังหวัดใช้พลังงานน้อยกว่าคนในเมืองมากถึงหลายเท่าตัว ทำให้เมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพฯ เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ใช้พลังงานเยอะมาก รวมถึงมลภาวะในอากาศก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

น่าเป็นห่วงโลกเราในทุกวันนี้ที่มีแหล่งพลังงานลดน้อยลง พลังงานทดแทนที่เกิดขึ้นใหม่ก็คงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงอยากให้ทุกคนได้ตระหนักและให้ความสนใจในเรื่องภาวะโลกร้อนมากขึ้น ร่วมสร้างความตื่นตัวในการเปลี่ยนแปลงโลกของเราในทางที่ดีขึ้น”

siepteam thanks

| issue 7 (สิ่งแวดล้อม รักorทำลาย)

หนึ่งในsiepteam ได้รับ fw:mail นี้จึงเก็บมาฝากต่อกัน.....
กับ หนึ่งในoffice ที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ... siepteam ก็ได้แต่หวังว่า.....เรื่องน่าสนใจ อย่างนี้ จะดีต่อทั้งธุรกิจ/จิตใจคนทำงานไม่ให้เลือนหายไป เหมือนที่วัฒนธรรมเมือง...ทำกับจิตใจคน
และที่สำคัญ หวังว่าธุรกิจ/คนในธุรกิจ จะดีดีต่อสิ่งแวดล้อม ที่โอบกอด officeและคน
ไม่ใช่เกลียดเมืองแล้วรุกป่า...
เมืองสภาพแวดล้อมแย่ หนึ่งนั้นก็เรา....
ป่าถูกรุกราน ตัวการสำคัญ ก็เรา...หรือใช่ใคร...
สวัสดี






















































































siepteams

| area 9 (3หน่วยงานประสานพลัง)

จะว่าไป..เที่ยวใครเที่ยวมัน..กันมาเยอะแล้ว siepteam ก็อยากจะเชิญชวนเพื่อๆมาเที่ยวชม กิจกรรมและบริการต่างๆของทั้ง 3 หน่วยงานในพื้นที่ค่ายพระรามหกกันนะจ่ะ..ทั้ง 1)ศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม 2)กองกำกับฯ ตชด. ค่าพระรามหก และ 3)พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ซึ่งแต่ละที่แต่ละแห่ง...มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้านพลังงาน แหล่งศึกษาธรรมชาติ&สิ่งแวดล้อม กิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมผจญภัย ศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ น่าสนใจมากมาย รวมถึงในเร็ววันนี้ จะได้มีเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมต่อกัน เพื่อบริการผู้มาเยี่ยมชมให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย...ฮั่นแน่..สนใจหน่อยสิน่า..มามะมา...ท่องเที่ยว เยี่ยมชม ศึกษา สนุกและได้ความรู้..play&learn ให้ เพล์แอนด์เลิร์น 'เพลิน' กันไปดิเน๊าะ...สวัสดี

siepteam thanks

| area 8 (สัการะพระบรมรูป ร.6 กัน..)


ในพื้นที่อุทยานฯ โดยเฉพาะบริเวณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อันเป็น 'วัง' ในรัชการที่ 6 ของพสกนิกรชาวไทย..ยังมีพระบรมรูปพระองค์ท่าน ที่เพื่อนสามารถเดินทางมาสัการะได้ ดังเพื่อนๆนักเรียนกลุ่มนี้อีกด้วยนะเอ้อ..

| talk 5 (โทรหาเราดินะ..)


| area 7 (ทัศนียภาพศูนย์พลังงานฯ)


อาคารศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพลังงาน 2 ชั้น จำนวน 8 ห้อง นิทรรศการเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2 ห้อง ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์พระบิดาพลังงาน 1 ห้อง.....ที่พร้อมเพียบ....รอเพื่อๆมาเยี่ยมชมเพื่อการศึกษาเรียนรู้ นอกห้องเรียนกันนะ.....โดยเพื่อนๆสามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 032-508352 ทุกวันจ่ะ....bye

23 ธันวาคม 2552

| area 6 (แหล่งเรียนรู้ พลังงานทดแทน)


ลม..ของขวัญจากธรรมชาติ ที่นอกจากจะเป็นอากาศที่มนุษย์ใช้เพื่อการหายใจดำรงชีพแล้ว ด้วยสมองที่สามารถ มนุษย์ยังหยิบจับเอาพลังงานจากการเคลื่อนที่ของอากาศ ที่เรียนกกันว่าลม มาใช้ในการปั่นกระแสไฟฟ้า..ทดแทน กระบวนการผลิตไฟฟ้ากระแสหลัก ได้อีกด้วย หากเพื่อoๆอยากรู้ข้อมูลอื่นๆ มากกว่านี้ ก็สามารถติดต่อเข้าเยี่ยมชม ศูนย์พลังงาน และแหล่งเรียนรู้อื่นๆในอุทยานฯ..ได้ต่อไปจร้า...
siepteam

22 ธันวาคม 2552

| talk 4 (งานฤดูหนาว ครั้งที 3)







งานฤดูหนาว พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ครั้งที่ 3เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เจริญพระชนมายุครบ ๗ รอบปีฉลูนักษัตรจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๓๐ นาฬิกาศุกร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๘.๐๐ นาฬิกา(ปิดทำการทุกวันพุธ)บริจาคค่าเข้าชม เด็ก ๑๕ บาท ผู้ใหญ่ ๓๐ บาทงานรื่นเริงฤดูหนาววันที่ ๒๗ พ.ย. ๒๕๕๒ - ๓ ม.ค. ๒๕๕๓เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๘.๐๐ นาฬิกา
ตารางการแสดงงานฤดูหนาวพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน คลิกที่ภาพ
siepthanks


| area 5 (พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน)





ในช่วงที่อากาศร้อนบ้างหนาวบ้างอย่างนี้ siep..ว่าในพื้นที่อุทยานฯ มีอีกสถานที่นึงเหมาะมากสำหรับการ เที่ยวชม-พักผ่อน หรือเพื่อการศึกษาประวัติศาสตร์ใน"พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน" ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล เป็นเรือนไทยทรงปั้นหยา สร้างจากไม้สักสวยงามมากๆๆๆ

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อเป็นที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรมและทรงพระสำราญในฤดูร้อน โดยพระราชวังนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2466 และเสร็จเมื่อปี 2467 ใช้เวลาในการก่อสร้างเพียง 1 ปี

ลักษณะสถาปัตยกรรม พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ประกอบด้วยอาคาร 16 หลัง แบ่งออกเป็น 3 หมู่ใหญ่ มีชื่อคล้องจองกันคือ พระที่นั่งสมุทรพิมาน พระที่นั่งพิศาลสาคร และพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดแบบพระราชนิเวศน์ให้เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวหลังคาทรงปั้นหยา มุงกระเบื้องขาวสี่เหลี่ยม ใต้ถุนที่โปร่งโล่ง เปิดรับลมทะเลที่พัด เข้าสู่หมู่พระที่นั่งให้ความเย็นสบายตลอดวัน เทพื้นคอนกรีตตลอดพระตำหนักซึ่งอยู่กระจายกันเป็นหลักๆ มีระเบียงและบันไดเป็นเอกเทศ และมีทางเดินเชื่อมถึงกันได้โดยตลอดและทั้งมีทางเดินไปสู่ทะเลด้วย

ปัจจุบันพระราชนิเวศน์มฤคทายวันอยู่ในเขตความดูแลของกองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตะเวนชายแดน ซึ่งเรียกว่า "ค่ายพระรามหก" (พื้นที่เดี่ยวกับอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธรน่ะนะ) เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เที่ยวชมความสวยงาม และยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้แก่คนรุ่นหลังต่อไปด้วย พระราชนิเวศน์มฤคทายวันตั้งอยู่ใน ค่ายพระรามหก ต.ห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี (ห่างจากหาดชะอำไปทางใต้ประมาณ 10 กม.) สำนักงานพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน โทร. 032-508-039 ค่าบำรุงในการเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท..เท่านั้นนะ..ตะเอง..

ขอบคุณข้อมูลจาก www.bkkmenu.com
siep thanks

21 ธันวาคม 2552

| area 4 (สะพานไม้ชายเลน)

สถานที่อีกแห่ง.. ที่ไม่มาไม่ได้เมื่อเพื่อๆเดินทางมาถึงอุทยานฯ siepteam ว่าคือสะพานไม้ชายเลน แห่งนี้นะ..เชื่อดิ..ไม่ใครก็ใคร...อาจจะอยากแวะนั่งพักใจ..อยู่ด้วยกันสะพานไม้แห่งนี้ไปนานๆเชียว..สวัสดี

siepteam thanks

| area 3 (จัดประชุมสัมมนาที่_siep)


siep ล้วนเพียบพร้อมด้วยสถานที่ศึกษาหาความรู้..ด้านพลังงาน/สิ่งแวดล้อม และsiep ยังมีความพร้อมด้านอาคารสถานที่ สำหรับจัดประชุมสัมมนา อีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมที่

| issue 6 (Reduce)


เห็นเก้าอี้ โต๊ะเหล็ก และสิ่งของแต่งบ้านจิปาถะ สีลูกกวาดสะดุดตาเหล่านี้ ใครจะเชื่อว่าเป็นฝีมือ การออกแบบและผลิตของเจ้าของทีมรถแข่งออฟโรด-->
และร้านประดับยนต์ชื่อดัง ผู้คร่ำหวอดในวงการนี้มาหลายทศวรรษอย่าง 'เปี๊ยกระยอง ออฟโรด' ที่วันหนึ่งคิดผลิกแพลงนำเศษเหล็กซึ่งเหลือจากการผลิตอุปกรณ์แต่งรถ มาแปลงโฉมเป็นเฟอร์นิเจอร์หน้าตาเก๋ไก๋
เขาเริ่มจากการทำอู่เคาะ พ่นสีรถยนต์ 20 ปี แต่ไม่รุ่งและไม่รวย เมื่อมีคนบอกว่า ทำแต่กิจการซ่อมอย่างเดียวจะไม่เห็นกำไร
'เปี๊ยก' สุริยงค์ วงศ์ชมพู วัย 60 ปี จึงเปลี่ยนเส้นทางมาเป็นผู้ผลิตกันชนรถยนต์หลายยี่ห้อ หลายรุ่น ที่มีดีไซน์แหวกแนว ส่งขายถึงอเมริกา อังกฤษ รัสเซีย และประเทศในแถบแอฟริกา อีกทั้งยังเปิดร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ที่จังหวัดระยอง

“ร้านเราตั้งอยู่ที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง แต่มีคนขับรถมาจากกรุงเทพหลายชั่วโมงเพื่อมาซื้อ ส่วนหนึ่งจะซื้อไปทำที่นั่งร้านกาแฟ ร้านอาหาร และอีกส่วนก็ซื้อไปแต่งบ้าน เขารู้จักสินค้าเราจากการบอกันปากต่อปาก หรือมาใช้บริการของทางร้าน แล้วจึงเห็นสินค้าที่เราตั้งโชว์ไว้หน้าร้านก็ชอบ จึงซื้อไป ตกแล้วขายได้ทั้งสองประเภทกว่า 120 ตัวต่อเดือน”

siepteam thanks

20 ธันวาคม 2552

| people 5 (มองด้วยอะไร..)





คุณคุณ..ว่ามั๊ย...
ไม่ว่าจะมองด้วยสายตาใคร ชาย2คนในภาพ ไม่ว่ามุมไหนๆ ก็ไม่มีวันหล่อเท่ากัน...

siepteam ว่า หากเพียงแต่เรา ลองมองเค้า (ด้วยใจ..ดิ) คนอาไร๊...ปลูกต้นไม้ร่วมกันอิกดัวะ...มิรู้จะรักใครมากกว่ากันดีเลย...

siepteam thanks